วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Learning Log 6 (นอกห้องเรียน)

Learning Log 6 (นอกห้องเรียน)

ปัจจุบันหลายฝ่ายให้ความสำคัญกับการศึกษานอกห้องเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องมาจากการศึกษาในปัจจุบันได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีการเรียนแทรกการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียน เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และศึกษาด้วยตนเอง การพัฒนาการเรียนการสอนให้ทันกับโลกที่ก้าวไปอย่างไม่หยุดนิ่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งผู้สอนต้องหาวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะต่างๆด้วยตนเอง และการให้เด็กได้มีส่วนร่วมกิจกรรม ก็เป็นการพัฒนาทักษะทางความคิดอย่างหนึ่ง จะเห็นได้ว่าการศึกษานอกชั้นเรียนในปัจจุบันนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ

ในสัปดาห์นี้ดิฉันได้ฟังเพลง The day you went away ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ดิฉันชอบมาก และเพลงสากลเป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับดิฉัน เพราะว่าดิฉันฟังคำไม่ออกและร้องตามไม่ได้ ทั้งๆที่ดิฉันชอบจังหวะและนักร้อง เนื่องมาจากคำศัพท์ของดิฉันมีน้อย ทำให้ฟังไม่เข้าใจ แต่ดิฉันพยายามที่จะฝึกฝนบ่อยๆ ในการฝึกครั้งที่ 1 ดิฉันหาเนื้อเพลง The day you went away แล้วดูเนื้อเพลงพร้อมร้องตาม ดิฉันพยายามร้องตามแต่ก็ร้องไม่ได้และฟังเสียงตัวเองดูเพี้ยนและตลกตัวเอง บางทีก็ทำให้ดิฉันอายตัวเองจนไม่อยากร้องเพลงสากลอีกเลย
                ในการฝึกครั้งที่ 2 ดิฉันเริ่มตั้งหลักในการฝึกใหม่ อ่านเนื้อเพลง พยายามอ่านออกเสียงให้ถูกทุกคำ ส่วนคำไหนที่ดิฉันอ่านไม่ออกหรือไม่มั่นใจดิฉันจะเปิดฟังใน Dictionary online เพื่อความแม่นยำ หลังจากนั้นดิฉันฟังเพลงอย่างเดียว 3 รอบ เพื่อที่จะจับทำนองของเพลงก่อนที่จะเริ่มฝึก และอ่านออกเสียงเพลงซ้ำป้ำมา 2-3 รอบ เพื่อให้มั่นใจในตนเองว่าเราอ่านได้ หลังจากนั้นก็เริ่มฟังเพลงพร้อมดูเนื้อร้องตามไปด้วย ฟังอย่างเดียวและใช้ทักษะการฟังด้วยสมาธิที่ดีที่สุด เพื่อที่จะฟังว่ามันตรงกับที่เขาร้องหรือไม่
ในการร้องเพลงภาษาอังกฤษจะมีการ Link เสียง ดิฉันพยายามฟังและแยกให้ออกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไร อย่างเช่นเสียง I like it จะออกเสียงว่า I-like-kit. นักร้องจะร้องเร็วมากตามทำนอง ดิฉันต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการฟังและอีกคำที่ดิฉันได้ยินคือ แอน ดายดิฉันปิดฟังท่อนนี้หลายอบพร้อมกับดูเนื้อร้องจึงได้รู้ว่า คำว่า and I จะออกเสียงว่า an-Di “แอน ดายนั่นเอง
และอีกปัญหาที่ดิฉันเจอในการฝึกครั้งที่ 2 คือ เสียงที่เราอ่าน เนื้อเพลงไม่ตรงกับที่นักร้อง เช่น when I compliment her, she won’t believe me. คำว่า  Compliment จะอ่านว่า com-เพลอะ-เมิ้น T ไม่ใช่อ่านว่า คอมพลีเม้น และคำว่า believe อ่านว่า เบอะลีฟ ไม่ใช่ บีลีฟ ซึ่งถ้าเราอ่านผิด            เวลาร้องเพลงก็จะทำให้ผิดคีย์และคำก็ผิดอีกด้วย ดิฉันฟังหลายรอบมากกว่าจะฟังออกว่านักร้องเขาออกเสียงว่ายังไง
หลังจากที่ดิฉันฟังจนจบทำนองและคำที่ออกเสียงแบบ Link เสียงได้หมดทุกคำ ดิฉันก็เริ่มร้องตามอย่างสนุกสนาน ดิฉันพยามเลียนแบบเสียงร้องของนักร้องให้ได้มากที่สุด แต่พยายามเสียงของดิฉันก็ยังตลก ดิฉันฟังเสียงของตนเองและให้คะแนนตัวเองอย่างเป็นธรรมเพื่อที่ดิฉันจะได้ดูกันเองว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด
ในการฝึกครั้งที่ 3 ดิฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้อย่างชัดเจน เพราะว่าเสียงเริ่มจะเข้ากับทำนองและจังหวะทำให้น่าฟังกว่าเดิม เริ่มผิดเพี้ยนน้อยลง ในการฝึกครั้งที่ 3 ดิฉันยังคงดูเนื้อร้องประกอบการ้องเพลง แต่ในการฝึกครั้งที่ 4 ดิฉันพยายามไม่ดูเนื้อร้อง หันไปดูเฉพาะท่อนที่จำไม่ได้จริง จึงทำให้ดิฉันสนุกกับการฝึกฝนในครั้งนี้มาก พยายามเอาชนะตัวเองโดยไม่ดูเนื้อร้อง    แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ เพราะดิฉันยังคงหันมองเนื้อร้องอยู่ ดิฉันใช้เทคนิคการอ่านเนื้อร้องอย่างเดียวโดยไม่เปิดเพลง
ในการฝึกครั้งที่ 5 ดิฉันร้องเพลง The day you went away ได้โดยที่ไม่ดูเนื้อร้อง หลังจากที่ดิฉันร้องเพลงได้ตามที่ดิฉันหวังไว้ ดิฉันก็เริ่มเป็นเนื้อ ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ง่ายเพราะคำศัพท์ส่วนมากจะแปลตามตัว เมื่อเรารู้ความหมายของเพลงแล้ว เราสามารถใส่อารมณ์ตามที่นักร้องใส่ เพื่อทำให้เพลงของเรามีความไพเราะมากขึ้น ทำให้น่าฟัง ดิฉันดีใจมากที่ฝึกจนร้องเพลงนี้ได้และดิฉันยังเชื่อคำที่ว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น
การศึกษานอกห้องเรียนในสัปดาห์นี้ดิฉันเลือกฝึกทักษะการฟังเพียงอย่างเดียว แต่ดิฉันฝึกทำซ้ำๆหลายๆครั้ง เพื่อจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทักษะการฟังเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งทีจะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้ดี โดยเฉพาะการศึกษานอกชั้นเรียนที่ใช้ทักษะการฟัง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรืออื่นๆอีกมากมาย การฟังเพลงเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีเลยทีเดียว ดังนั้นดิฉันจึงภูมิใจในตนเองที่สามารถที่สามารถทำจนประสบความสำเร็จได้



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น