Learning
Log 6 (นอกห้องเรียน)
ปัจจุบันหลายฝ่ายให้ความสำคัญกับการศึกษานอกห้องเรียนเป็นอย่างมาก
เนื่องมาจากการศึกษาในปัจจุบันได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
มีการเรียนแทรกการเรียนการสอนทั้งในและนอกห้องเรียน
เพื่อส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้และศึกษาด้วยตนเอง การพัฒนาการเรียนการสอนให้ทันกับโลกที่ก้าวไปอย่างไม่หยุดนิ่งจึงเป็นสิ่งสำคัญ
ซึ่งผู้สอนต้องหาวิธีการเรียนการสอนแบบใหม่
เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้ทักษะต่างๆด้วยตนเอง
และการให้เด็กได้มีส่วนร่วมกิจกรรม ก็เป็นการพัฒนาทักษะทางความคิดอย่างหนึ่ง
จะเห็นได้ว่าการศึกษานอกชั้นเรียนในปัจจุบันนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ
ในสัปดาห์นี้ดิฉันได้ฟังเพลง The day you went away ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ดิฉันชอบมาก และเพลงสากลเป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับดิฉัน เพราะว่าดิฉันฟังคำไม่ออกและร้องตามไม่ได้ ทั้งๆที่ดิฉันชอบจังหวะและนักร้อง เนื่องมาจากคำศัพท์ของดิฉันมีน้อย ทำให้ฟังไม่เข้าใจ แต่ดิฉันพยายามที่จะฝึกฝนบ่อยๆ ในการฝึกครั้งที่ 1 ดิฉันหาเนื้อเพลง The day you went away แล้วดูเนื้อเพลงพร้อมร้องตาม ดิฉันพยายามร้องตามแต่ก็ร้องไม่ได้และฟังเสียงตัวเองดูเพี้ยนและตลกตัวเอง บางทีก็ทำให้ดิฉันอายตัวเองจนไม่อยากร้องเพลงสากลอีกเลย
ในการฝึกครั้งที่
2
ดิฉันเริ่มตั้งหลักในการฝึกใหม่ อ่านเนื้อเพลง
พยายามอ่านออกเสียงให้ถูกทุกคำ
ส่วนคำไหนที่ดิฉันอ่านไม่ออกหรือไม่มั่นใจดิฉันจะเปิดฟังใน Dictionary
online เพื่อความแม่นยำ หลังจากนั้นดิฉันฟังเพลงอย่างเดียว 3
รอบ เพื่อที่จะจับทำนองของเพลงก่อนที่จะเริ่มฝึก
และอ่านออกเสียงเพลงซ้ำป้ำมา 2-3 รอบ
เพื่อให้มั่นใจในตนเองว่าเราอ่านได้
หลังจากนั้นก็เริ่มฟังเพลงพร้อมดูเนื้อร้องตามไปด้วย
ฟังอย่างเดียวและใช้ทักษะการฟังด้วยสมาธิที่ดีที่สุด
เพื่อที่จะฟังว่ามันตรงกับที่เขาร้องหรือไม่
ในการร้องเพลงภาษาอังกฤษจะมีการ
Link
เสียง ดิฉันพยายามฟังและแยกให้ออกว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไร
อย่างเช่นเสียง I like it จะออกเสียงว่า I-like-kit. นักร้องจะร้องเร็วมากตามทำนอง
ดิฉันต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมากในการฟังและอีกคำที่ดิฉันได้ยินคือ “แอน ดาย” ดิฉันปิดฟังท่อนนี้หลายอบพร้อมกับดูเนื้อร้องจึงได้รู้ว่า
คำว่า and I จะออกเสียงว่า an-Di “แอน
ดาย” นั่นเอง
และอีกปัญหาที่ดิฉันเจอในการฝึกครั้งที่ 2 คือ เสียงที่เราอ่าน เนื้อเพลงไม่ตรงกับที่นักร้อง เช่น when I
compliment her, she won’t believe me. คำว่า Compliment จะอ่านว่า com-เพลอะ-เมิ้น T ไม่ใช่อ่านว่า
คอมพลีเม้น และคำว่า believe อ่านว่า เบอะลีฟ ไม่ใช่ บีลีฟ
ซึ่งถ้าเราอ่านผิด เวลาร้องเพลงก็จะทำให้ผิดคีย์และคำก็ผิดอีกด้วย
ดิฉันฟังหลายรอบมากกว่าจะฟังออกว่านักร้องเขาออกเสียงว่ายังไง
หลังจากที่ดิฉันฟังจนจบทำนองและคำที่ออกเสียงแบบ
Link
เสียงได้หมดทุกคำ ดิฉันก็เริ่มร้องตามอย่างสนุกสนาน
ดิฉันพยามเลียนแบบเสียงร้องของนักร้องให้ได้มากที่สุด
แต่พยายามเสียงของดิฉันก็ยังตลก
ดิฉันฟังเสียงของตนเองและให้คะแนนตัวเองอย่างเป็นธรรมเพื่อที่ดิฉันจะได้ดูกันเองว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด
ในการฝึกครั้งที่ 3 ดิฉันเห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้อย่างชัดเจน
เพราะว่าเสียงเริ่มจะเข้ากับทำนองและจังหวะทำให้น่าฟังกว่าเดิม
เริ่มผิดเพี้ยนน้อยลง ในการฝึกครั้งที่ 3 ดิฉันยังคงดูเนื้อร้องประกอบการ้องเพลง
แต่ในการฝึกครั้งที่ 4 ดิฉันพยายามไม่ดูเนื้อร้อง
หันไปดูเฉพาะท่อนที่จำไม่ได้จริง จึงทำให้ดิฉันสนุกกับการฝึกฝนในครั้งนี้มาก
พยายามเอาชนะตัวเองโดยไม่ดูเนื้อร้อง แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่
เพราะดิฉันยังคงหันมองเนื้อร้องอยู่
ดิฉันใช้เทคนิคการอ่านเนื้อร้องอย่างเดียวโดยไม่เปิดเพลง
ในการฝึกครั้งที่ 5 ดิฉันร้องเพลง The day you went away
ได้โดยที่ไม่ดูเนื้อร้อง หลังจากที่ดิฉันร้องเพลงได้ตามที่ดิฉันหวังไว้
ดิฉันก็เริ่มเป็นเนื้อ ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่ง่ายเพราะคำศัพท์ส่วนมากจะแปลตามตัว
เมื่อเรารู้ความหมายของเพลงแล้ว เราสามารถใส่อารมณ์ตามที่นักร้องใส่
เพื่อทำให้เพลงของเรามีความไพเราะมากขึ้น ทำให้น่าฟัง
ดิฉันดีใจมากที่ฝึกจนร้องเพลงนี้ได้และดิฉันยังเชื่อคำที่ว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น”
การศึกษานอกห้องเรียนในสัปดาห์นี้ดิฉันเลือกฝึกทักษะการฟังเพียงอย่างเดียว
แต่ดิฉันฝึกทำซ้ำๆหลายๆครั้ง เพื่อจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ทักษะการฟังเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งทีจะช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนได้ดี
โดยเฉพาะการศึกษานอกชั้นเรียนที่ใช้ทักษะการฟัง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง
หรืออื่นๆอีกมากมาย การฟังเพลงเป็นการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีเลยทีเดียว ดังนั้นดิฉันจึงภูมิใจในตนเองที่สามารถที่สามารถทำจนประสบความสำเร็จได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น