Leaning Log 8 (นอกห้องเรียน)

Leaning Log 8 (นอกห้องเรียน)

การพูด คือการเปล่งเสียงด้วยคำเพื่อบอกถึงเรื่องราวความรู้สึกนึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ มีจุดประสงค์เพื่อสื่อสารระหว่างกัน และการพูดของคนย่อมมีต้นกำเนิดมาจากความจำเป็นของตนเองที่จะใช้เสียงพูดให้เป็นเครื่องมือในการสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากว่าเรื่องอื่นๆ ดังนั้นการพูดจึงดูจะเป็นปัญหาใหญ่ๆสำหรับครูผู้สอนหรือตัวผู้เรียนเอง ครูบางคนพยายามที่จะพูดภาษาอังกฤษในชั้นเรียนเพื่อให้นักเรียนคุ้นเคยอยู่เสมอ ซึ่งเป็นโอกาสดีสำหรับนักเรียนที่จะได้มีโอกาสพูดภาษานั้น โดยครูจะต้องหาวิธีเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นในขอบเขตภาษาอังกฤษที่มีอยู่

การสอนพูดภาษาอังกฤษก็เพื่อจะให้นักเรียนใช้ภาษาอังกฤษสื่อความหมายได้ วิธีการสอนแบบพื้นฐานคือ การเลียนแบบสียงของเจ้าของภาษาให้ถูกต้องโดยใช้การให้พูดคำเป็นวลี และเป็นประโยคเรื่อยๆไป แต่เนื้อหาที่จะนำมาสอนควรเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมากที่สุด หรือถ้ามีบทเรียน บทสนทนาหรือเอกสารประกอบกับเทปที่บันทึกเสียงพูดกับเจ้าของภาษาก็จะทำให้นักเรียนมีความเข้าใจมากขึ้น การสอนพูดนั้นควรสอนควบคู่ไปกับการฟัง บทพูดที่จำเป็นและสำคัญมากที่สุดคือ บทสนทนาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มีโครงสร้างสั้นๆและง่ายๆสามารถสื่อความหมายได้มากที่สุด

สำหรับการสอนพูด จะแบ่งเนื้อหาการสอนออกเป็น 2 ประเภท 1.การออกเสียง Pronunciation การออกเสียงที่เป็นปัญหามีทั้งเสียงสระ เสียงพยัญชนะ การฝึกเน้นเสียงหนักเบา สำเนียงสูงต่ำในประโยค รวมทั้ง การฝึกจังหวะ 2.การฝึกพูดเพื่อโต้ตอบกับคนอื่น Speaking for communication การพูดในรูปแบบนี้จะมีแทรกอยู่ทุกวิชาเรียน เช่น การอ่าน การเขียน เพราะในการฝึกเพราะในการฝึกเนื้อหาเหล่านี้โดยใช้การฝึกปากเปล่า เพื่อให้นักเรียนเกิดความแม่นยำในเนื้อหานั้นๆ

นอกจากนี้แล้วเทคนิคการพูดก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการสอนพูดภาษาอังกฤษ เพราะแต่ละคนจะใช้เทคนิคไม่เหมือนกัน ส่วนเทคนิคที่ดิฉันใช้ในการฝึกพูดคือ Top 10 Tips How Speak Fluent English เพราะว่าการพูดภาษาต่างประเทศได้ดีนั้นต้องอาศัยเทคนิคขบวนการและในเทคนิคที่ดิฉันจะนำเสนอมีขั้นตอนอธิบายอย่างชัดเจน โดยมีเทคนิคที่เป็นไปตามลำดับขั้นตอนทั้งหมด 10 ขั้นตอนดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 อย่ากลัวความผิดพลาดและกังวลในเรื่องหลักไวยากรณ์มากเกินไป ปัญหาใหญ่สำหรับคนที่หัดพูดภาษาอังกฤษที่ฝรั่งมักจะเรียกว่าเป็นอาการ “Mental blocks” คือมีบางสิ่งบางอย่างในจิตใจ กลัวว่าจะพูดผิดหรืออาย อายที่พูดภาษาอังกฤษไม่ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ที่ท่องกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง ความกังวลเหล่านั้นจะทำให้คุณรู้สึกอึดอัดและพูดไม่ได้สักที ดังนั้นควรจำไว้ว่า การสื่อสารสำคัญมากว่าความสมบูรณ์แบบ ดังประโยคต่อไปนี้ yesterday I go to party in the beach.ซึ่งประโยคนี้ผิดพลาดทางไวยากรณ์แน่นอน ที่ถูกต้องคือ yesterday I went to a party on the beach. แต่มีความหมายเหมือนกัน จะเห็นได้ว่าการสื่อสารให้เข้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ขั้นตอนที่ 2 เริ่มต้นจากการฟัง อยากพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง เราต้องเริ่มจากการฟังก่อน ไม่ว่าจะเป็นบทสนทนาภาษาอังกฤษหรือจะดูหนัง ฟังเพลง เลือกแบบที่เราชอบได้เลย สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานเลยเริ่มจากการฟังบทสนทนาง่ายๆก่อน จะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำเนียงเจ้าของภาษา การฟังที่ได้ผลดี คือการฟังจากความเข้าใจ ฟังอย่างต่อเนื่อง เข้าใจ คือเลือกฟังอะไรที่ง่ายและไม่ยากจนเกินไป เช่นการฟังข่างภาษาอังกฤษที่ทั้งยากและเร็ว ฟังกี่ปีกี่ชาติก็ไม่เข้าใจ ฟังมากแค่ไหนก็ไม่ช่วยอะไร ดังนั้น ควรเลือกอะไรที่ง่ายๆ เริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ จะดีกว่าและฟังอย่างต่อเนื่อง

ขั้นตอนที่ 3 ฟังแล้วตอบ การฟังเพื่อให้เราเข้าใจภาษาอังกฤษได้มีประสิทธิภาพและสามารถโต้ตอบได้ ไม่ใช่การฟัง ซ้ำๆ หลายๆครั้ง เพื่อให้จำเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการฟังและตอบคำถาม ในขั้นตอนแรกของฟังภาษาอังกฤษได้ดีคือ การฟังจากบทสนทนาภาษาอังกฤษง่ายๆเมื่อเราฟังแล้วลอง “Pause” ในช่วงของคำตอบ และตอบจากคำถามที่ฟังอย่างรวดเร็ว ฝึกให้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องคิด ภาษาอังกฤษของคุฯก็จะกลายเป็นระบบอัตโนมัติไปโดยปริยาย หรือการหาติวเตอร์ชาวต่างชาติมาช่วยเล่าเรื่องราวสักเรื่องหนึ่ง เริ่มจากง่ายๆก่อน เมื่อเล่าจบ ลองให้เค้าถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เล่าให้ฟัง จะทำให้คุณตอบคำถามได้อย่างรวดเร็ว

ขั้นตอนที่ 4 เรียนรู้เป็นภาพไม่ใช่อักษร ก่อนที่จะพูดภาษาอังกฤษต้องมีการซ้อม การเตรียมความพร้อม ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีคลังคำศัพท์มากน้อยเพียงใด เหตุผลสำคัญที่เราไม่สามารถสื่อสารได้คือ เราไม่รู้คำศัพท์ ต่อไปนี้เราต้องมาเรียนรู้และจำคำศัพท์ในรูปแบบใหม่ คือ ต้องเลิกท่องคำศัพท์ ถ้าอยากพูดภาษาอังกฤษได้ ลองมาใช้วิธีการเรียนรู้คำศัพท์เป็นภาพและเรื่องราวแทนการจำคำศัพท์ ลองเปลี่ยนมาเป็นการเรียนรู้คำศัพท์แบบวลี ไม่จำเป็นคำๆ เวลาเจอศัพท์ใหม่ๆให้จดลงสมุด จะทำให้การพูดและหลักไวยากรณ์ของคุณดีขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขั้นตอนที่ 5 หยุดท่องหลักไวยากรณ์ เด็กไทยส่วนใหญ่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษมาพร้อมกับการท่องหลักไวยากรณ์ ถ้าจะฝึกภาษาอังกฤษให้ได้ ต้องหยุดท่องหลักไวยากรณ์ เพราะนั่นเป็นวิธีผิดๆ เด็กๆชาวต่างชาติจะพูดภาษาจากการเรียนรู้เองตามธรรมชาติจากการฟัง สังเกตการณ์เลียนแบบเสียงพูดจนคล่องแคล่วก่อนเริ่มเรียนหลักการไวยากรณ์ แต่เด็กไทยจะเรียนหลักไวยากรณ์ก่อนที่จะฝึกพูด

ขั้นตอนที่ 6 เรียนรู้แบบซ้ำๆแต่ลึกซึ้ง เคล็ดลับที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างง่ายดายนั่นคือ การเรียนรู้ทุกวลีอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เรียนรู้ความหมาย ไม่ใช่แค่จำไปเพื่อทำข้อสอบ แต่คุณจะต้องเรียนรู้มันอย่างลึกซึ้ง ลึกลงไปในสมอง การพูดภาษาอังกฤษได้ง่ายต้องทำซ้ำๆหลายครั้งในแต่ละบทเรียน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีหนังสือบทสนทนาภาษาอังกฤษ 1 เล่ม ในบทแรกให้ฟัง 30 ครั้ง ก่อนที่จะผ่านไปบทที่ 2 โดยสามารถแบ่งเป็น 3 ครั้ง ในแต่ละวันให้ทำแบบนี้ไปจนครบ 10 วัน ต่อ 1 บท อย่าเพิ่งท้อ ท่องไว้ช้าๆ

ขั้นตอนที่ 7 อย่าแปลเป็นไทย สาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้ว่าอาจจะฟังออกก็ตาม คือ การแปลประโยคต่างๆเป็นภาษาไทยก่อนตอบ เพราะฉะนั้นเราควรพยายามแปลเป็นภาษาไทยให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ระบบที่คนไทยส่วนใหญ่ติดคือ ฟังภาษาอังกฤษเข้าหูแปลเป็นภาษาไทยคิดคำตอบออกมาเป็นภาษาไทย วิธีการเรียนรู้ภาษาที่ถูกต้องที่สุดคือ พยายามแปลให้น้อยที่สุดหรือไม่แปลเลยยิ่งดี เน้นความเข้าใจ

ขั้นตอนที่ 8 เรียนรู้ที่จะคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ หนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้นั่นก็คือ การคิดให้เป็นภาษาอังกฤษ อีกวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้ และจะทำให้คุณพูดได้อย่างง่ายดาย ไม่ต้องอายถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมา เพราะไม่มีใครรู้ โดยคุณทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ Level 1 คิดคำศัพท์เป็นภาษาอังกฤษในแต่ละวันของคุณ Level 2 ลองเอาคำศัพท์มาแต่งประโยค Level 3 สุดท้ายจินตนาการประโยคเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด

ขั้นตอนที่ 9 พูดด้วยคำศัพท์ที่แตกต่าง ดูดีมีความคิดสร้างสรรค์ สองอุปสรรคใหญ่ที่ทำให้การพูดภาษาอังกฤษไม่คล่องแคล่วมั่นใจ คือ ไม่รู้คำศัพท์และการหยุดหรือลังเล ซึ่งทั้งสองอย่างมักจะมาพร้อมกันเสมอ หลายครั้งที่คุณพูดภาษาอังกฤษแต่นึกคำศัพท์ไม่ออก นั่นก็เป็นอุปสรรคหนึ่งที่ทำให้พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะมัวแต่คิดถึงคำศัพท์ที่เคยท่องไว้ คราวนี้เราลองเปลี่ยนวิธีใหม่ ถ้านึกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ลองหาคำอื่นมาอธิบายขยายความเอาก็ได้

ขั้นตอนที่ 10 ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เปลี่ยนสภาพแวดล้อมของคุณให้เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษ ถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว แต่ถ้าจะให้ง่ายและรวดเร็วที่สุดนั่นก็คือ พยายามหาเพื่อนที่เป็นชาวต่างชาติ นอกจากจะได้เพื่อนแล้วยังได้ภาษาอีกด้วย ที่สำคัญเพื่อนชาวต่างชาตินี่แหละจะช่วยคุณแก้ไขคำผิด ทั้งคำศัพท์ รูปประโยคและหลักไวยากรณ์ต่างๆที่ให้คุณได้ พยายามหาเพื่อนฝรั่งคุยแชท คุย Skype บ้าง เพื่อเป็นการฝึกภาษาและสำเนียงที่ถูกต้อง

ในการฝึกพูดภาษาอังกฤษนั้นต้องเริ่มจากการฟังภาษาอังกฤษก่อน จะทำให้เราคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากยิ่งขึ้น พยายามฝึกฟังและพูดทุกๆวัน วันละ 10 นาทีจะดีมาก จะทำให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่ว ดังนั้นลองนำเทคนิคทั้ง 10 เทคนิคไปลองใช้ดูนะค่ะ เพราะว่าดิฉันลองใช้แล้วช่วยดิฉันได้เยอะเลยค่ะ เริ่มจากสิ่งง่ายๆและทุกอย่างจะดีขึ้นค่ะ