วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Learning Log 10 (นอกห้องเรียน)

Learning Log 10 (นอกห้องเรียน)


ดนตรีเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการเรียน โดยเฉพาะเพลงสากลเป็นอุปสรรคอย่างมากสำหรับนักเรียนไทย ที่สนใจภาษาอังกฤษ เพราะถ้าฟังไม่ออก ร้องตามไม่ได้ ทั้งๆที่ชอบจังหวะของเพลงและตัวศิลปินนักร้องเอง ก็ต้องยอมแพ้กับมันเพราะว่า Language Barrier หรืออุปสรรคทางภาษา เพลงเป็นสื่อการสอนและฝึกฝนภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดและง่ายที่สุด แล้วใกล้ตัวเรามากที่สุด เพราะว่าครูเองก็ใช้เพลงฝึกภาษามาตั้งแต่เด็ก ในการฟังครั้งแรก เข้าใจว่าเนื้อเพลงมีเนื้อหาส่วนใหญ่ว่าอย่างไร ฟังหลายๆครั้งเพื่อจะได้จำสำเนียงภาษาอังกฤษได้
ตอนต้นของชั่วโมงครูเริ่มต้นด้วยการถามนักเรียนว่า 1.เคยไหมที่นักเรียนฟังเพลงภาษาอังกฤษเพลงโปรด ที่ชื่นชอบทำนองและนักร้อง แต่นักเรียนไม่สามารถร้องตามได้ 2.เคยไหม เวลาที่นักเรียนพบคำศัพท์ที่นักเรียนฟังไม่ออก มันเป็นคำศัพท์ที่นักเรียนรู้อยู่แล้ว และเป็นคำศัพท์ที่ง่ายมากแต่นักเรียนกลับฟังคำที่นักเรียนรู้จักไม่ออก 3.เคยไหม ที่นักเรียนดูเนื้อเพลงแล้วพยายามร้องตามเพลงสากลที่ชอบ แต่กลับร้องยังไงก็ไม่เหมือน และฟังดูตลกจนอายที่จะร้องเพลงสากลไปเลย ทั้งหมดนี้ก็คือระบบเสียงของชาวไทยกับชาวต่างชาติต่างกัน
ครูก็เริ่มอธิบายถึงวัฒนธรรมของการร้องเพลงของชาว Native Speakers หรือเจ้าของภาษา 1.ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ไม่มี Tone กำกับ ความหมายคือ คำเดียวกัน ก็สามารถขึ้นเสียงสูงต่ำได้โดยไร้ขีดจำกัดและไม่มีผลต่อความหมาย 2.ภาษาอังกฤษเมื่อร้องเพลงจะไม่เหมือนภาษาพูด 100% คือ การออกเสียงในบางตัวจะไม่เหมือนกัน นักร้องฝรั่งแต่ละคนจะมีความสามารถในการออกเสียงพยัญชนะที่ไม่เหมือนกัน เช่น เสียงสะกดตัวที่จะหายไป เช่น night, light ถ้าพูดปกติก็จะมีตัว T ตามหลัง แต่พอร้องเพลงเสียง T ก็จะหายไป เรียกว่า mute sound 3.การ jump เสียงหรือการรวบรวมเสียง จะชัดเจนมากในการร้องเพลง เช่น I like it จะออกเสียงว่า I like-kit. ซึ่งการ Jump เสียง เอาไปใช้ในการสนทนาภาษาอังกฤษได้ตามปกติ
หลังจากที่ครูอธิบายถึงธรรมชาติของนักร้องและวิธีการร้องเพลงของฝรั่งแล้ว ก็มาพูดถึงการฝึกฝนของนักเรียน เพราะเป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก 1.ถ้าเจอเพลงที่ชอบ นักร้องที่นักเรียนชอบ ให้ไปหา lyrics ของเพลง เพื่อป้องกันความผิดพลาด 2.อ่านเนื้อเพลง อ่านออกเสียงให้ถูกต้องทุกคำ ตามหลัก Schwa ส่วนคำไหนอ่านไม่ออกเปิด dictionary online 3.ฟังเพลงอย่างเดียวสัก 3-5 รอบเพื่อจำทำนองก่อนฝึก แต่ควรเลือกเพลงที่คุ้นเคยมากที่สุด 4.อ่านออกเสียงเนื้อเพลงซ้ำไป              ซ้ำมา 2-3 รอบ เพื่อให้แน่ใจว่าเราอ่านได้ทั้งหมด 5.ขั้นตอนสำคัญที่สุด ฟังเพลงพร้อมกับดูเนื้อเพลง 6.ร้องตาม พยายามเลียนเสียงนักร้องให้ได้มากที่สุด

สรุป ทั้ง 6 ขั้นตอน เป็นการเปิดหูเปิดตานักเรียน ให้นักเรียนออกเสียงภาษาอังกฤษในระบบเดียวกับเจ้าของภาษาโดยใช้เพลงเป็นสื่อ ที่ฟังไม่ออกและร้องตามไม่ได้เกิดจากระบบเสียงไม่เหมือนกัน เช่น believe เค้าร้องว่า เบอะลีฟ แต่เราร้องว่า บีลีฟ ปัญหาจริงๆคือ เราร้องเพลงไม่เหมือนเขาเลยไม่ได้ยินคำดังกล่าว แม้ว่าเป็นคำที่เรารู้จักดีแล้วก็ตาม คนไทยจะพูดแบบ Broken English คือพูดเป็นคำๆ แทนที่จะพูดเป็นประโยค ผลประโยชน์ที่ได้จากการฝึกโดยการร้องเพลงคือ นักเรียนฟังสำเนียงของชาวต่างชาติออกทุกคำตามเนื้อเพลง ดังนั้นการเอาเพลงมาเป็นสื่อการสอนจะทำให้นักเรียนมีสำเนียงเหมือนชาวต่างชาติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น